ผวา! ชายฟลอริดาติดเชื้อ ‘อะมีบากินสมอง’ คาดเกิดจากการใช้น้ำประปาล้างจมูก

ชายในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เสียชีวิตหลังติดเชื้อ “อะมีบากินสมอง” ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดว่าเกิดจากการที่เขาใช้น้ำประปาล้างจมูก

อะมีบากินสมอง

สำนักข่าว CNN รายงานถ้อยแถลงจาก Florida Department of Health เมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งระบุว่า ชายซึ่งอาศัยอยู่ที่เทศมณฑลชาร์ล็อตต์รายนี้ติดเชื้ออะมีบา Naegleria fowleri โดยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะเขาใช้น้ำประปาล้างจมูกอยู่เป็นประจำ

ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (2 มี.ค.) ทางสำนักงานได้แถลงยืนยันการเสียชีวิตของชายคนนี้ และเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริง

“เรากำลังดำเนินการสอบสวนทางระบาดวิทยาเพื่อทำความเข้าใจกรณีการติดเชื้อครั้งนี้ และขอยืนยันว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงแล้วจริง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอเก็บเป็นความลับเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย” แจ วิลเลียมส์ เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของ Florida Department of Health ระบุในคำแถลงผ่านอีเมล

ทางสำนักงานระบุว่า การติดเชื้อ Naegleria fowleri “จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อน้ำซึ่งมีการปนเปื้อนอะมีบาชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูกเท่านั้น” พร้อมเตือนให้ประชาชนใช้น้ำกรองหรือน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วในการล้างจมูก หากจะใช้น้ำประปาก็ขอให้ต้มเป็นเวลาอย่างน้อย 1 นาที และทิ้งเอาไว้ให้เย็นก่อนนำไปใช้

ข้อมูลจากสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ระบุว่า การนำน้ำประปาที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อมาล้างจมูกนั้น “ไม่ปลอดภัย” เนื่องจากน้ำไม่ได้ผ่านกระบวนการบำบัดและกรองจนสะอาดมากพอ และอาจยังมีจุลชีพบางชนิดปะปนอยู่ในระดับต่ำ เช่น แบคทีเรีย โพรโตซัว และอะมีบา เป็นต้น ส่วนสาเหตุที่น้ำประปายังสามารถดื่มได้โดยไม่เป็นอันตรายก็เพราะว่าโดยปกติแล้ว “กรดในกระเพาะอาหาร” ของคนเราสามารถฆ่าจุลชีพเหล่านี้ได้

อัพเดทข่าว เพิ่มเติม : สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ขู่ตอบโต้ ‘แรงกว่าทุกครั้ง’ หากเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์

สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ขู่ตอบโต้ ‘แรงกว่าทุกครั้ง’ หากเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์

สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แถลงเตือนวันนี้ ว่าการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ในเกาหลีเหนือจะเผชิญ “มาตรการตอบโต้รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

ทันโลกข่าวต่างประเทศ

ภายหลังการหารือที่กรุงโตเกียว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 3 ชาติได้ออกคำแถลงร่วมยกระดับการป้องปรามภัยคุกคามในภูมิภาค

“เราเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือ เพื่อทำให้เกาหลีเหนือยุติกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย และกลับคืนสู่เวทีเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ในทันที” โช ฮยุนดอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุ

“เราทั้ง 3 ประเทศเห็นตรงกันว่า จำเป็นจะต้องมีมาตรการตอบสนองที่รุนแรงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา (unprecedented strong response) หากเกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 7”

โซล และวอชิงตันย้ำเตือนหลายครั้งแล้วว่า เกาหลีเหนืออาจมีแผนรื้อฟื้นการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 หลังจากที่ทดลองยิงขีปนาวุธแบบถี่ยิบในปีนี้

เมื่อเดือน ก.ย. โสมแดงได้ยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นจนสร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว และยังอ้างว่าได้เปิดการซ้อมรบนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (tactical nuclear drill)

“พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการกระทำที่ขาดความยับยั้งชั่งใจและบ่อนทำลาย” เวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ พร้อมเตือนเปียงยางให้ “หยุดการกระทำยั่วยุ” ขณะที่ ทาเคโอะ โมริ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของญี่ปุ่น ชี้ว่า “กิจกรรมนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่หนักข้อขึ้นทุกวัน ถือเป็นความท้าทายที่ชัดเจนและร้ายแรงต่อประชาคมโลก”

คิม จองอึน ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า สถานะการเป็น “รัฐนิวเคลียร์” ของเกาหลีเหนือนั้น “ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” ซึ่งถือเป็นการปิดประตูตายสำหรับข้อเรียกร้องให้พวกเขายอมเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์

รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของทั้ง 3 ชาติยังได้มีการหารือในประเด็นอื่นๆ เช่น สงครามยูเครน จีน และไต้หวัน แต่ทั้ง โมริ และโช ยืนยันว่า เรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย